Content > Handbook

การซื้อโทรศัพท์มือถือ

หลังจากมาถึงประเทศญี่ปุ่นและจัดการเอกสารเรื่องคนเข้าเมืองเรียบร้อยแล้ว ขั้นต่อไปก็คือการซื้อโทรศัพท์มือถือเพื่อให้ติดต่อได้สะดวก ซึ่งในญี่ปุ่นจะต้องใช้เอกสารและมีขั้นตอนที่วุ่นวายในการซื้อมือถือกว่าที่ไทยนิดหน่อย ดังนั้นจึงควรเตรียมเอกสารให้ดีจะได้ไม่เสียทั้งอารมณ์ เสียทั้งเวลาด้วย

เครือข่ายผู้ให้บริการ

ผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือหลักๆ ของญี่ปุ่นมีสามเจ้าคือ NTT Docomo, au KDDI และ Softbank สำหรับนักเรียนไทยนิยมใช้มือถือเครือข่าย Softbank กันเนื่องจากเมื่อก่อนมีเพียง Softbank เท่านั้นที่มีแพคเกจโทรหากันในเครือข่ายฟรี

มือถือของญี่ปุ่นนั้นเป็นมือถือที่ล็อคเครือข่าย ดังนั้นเมื่อซื้อจากโอเปอเรเตอร์เจ้าไหนก็ต้องใช้กับเครือข่ายนั้นไปตลอด ถ้าจะเปลี่ยนโอเปอร์เรเตอร์ก็จะต้องเปลี่ยนตัวเครื่องโทรศัพท์ด้วย แต่ว่าที่ญี่ปุ่นมีบริการ Number Portability ดังนั้นสามารถเปลี่ยนเครือข่ายก็ยังคงใช้เบอร์เดิมได้

เติมเงินหรือรายเดือน

ถึงโทรศัพท์มือถือของญี่ปุ่นจะมีทั้งแบบเติมเงินกับแบบติดสัญญา แต่ทั่วไปแล้วแพคเกจจากแบบเติมเงินมักคิดค่าบริการแพงกว่าแบบทำสัญญามากและไม่ค่อยมีสิทธิพิเศษต่างๆ เท่ากับแบบทำสัญญา แต่การทำสัญญานั้นจะต้องทำสัญญาสองปี และหากต้องการยกเลิกสัญญาก่อน มักจะต้องจ่ายค่าปรับราวๆ หนึ่งหมื่นเยน หากมาอยู่ในระยะยาวทำสัญญาคุ้มค่ากว่า แต่ถ้าระยะสั้น 3 – 6 เืดือนอาจจะต้องคิดให้ดีว่าแบบไหนคุ้มกว่ากัน

รุ่นของโทรศัพท์

ในปัจจุบันเราอาจจะแบ่งรุ่นของโทรศัพท์ที่ใช้ในญี่ปุ่นออกเป็นสองแบบใหญ่ๆ คือ โทรศัพท์ธรรมดา (Garakei) กับ Smartphone (โทรศัพท์ที่เป็น Android/iPhone) ซึ่งแต่ละแบบก็มีข้อดีแตกต่างกัน อาจสรุปสั้นๆ ได้ดังนี้

  • โทรศัพท์ธรรมดา ราคาให้เลือกตั้งแต่ ถูกมากๆ จนแพง มีจำนวนรุ่นเยอะ หลากรูปแบบ บางรุ่นมีฟีเจอร์เฉพาะตัวของญี่ปุ่นเช่นดูทีวี OneSeg ข้อเสียคือใช้ภาษาไทยไม่ได้
  • Smartphone ราคาตัวเครื่องและค่ารายเดือนค่อนข้างสูงกว่าแบบโทรศัพท์ธรรมดา แต่มีข้อดีคืออ่านเขียนภาษาไทยได้ และมีแอพลิเคชันให้เลือกเยอะ

การทำสัญญา-ซื้อโทรศัพท์มือถือ

จากประสบการณ์ผู้เขียนในการซื้อโทรศัพท์ iPhone นั้น การทำสัญญาค่อนข้างต้องการเอกสารจุกจิก และค่อนข้างกินเวลา ดังนั้นควรเผื่อเวลาไว้ซัก 2 – 3 ชั่วโมง สำหรับรุ่นอื่นอาจจะต้องการเอกสารและใช้เวลามากน้อยต่างกันไป

เอกสารที่ต้องใช้มีดังนี้

  • เอกสารยืนยันตัวเช่น passport และ alien card หรือใบแทน ควรนำติดตัวไปด้วย
  • ใบประกันสุขภาพ *
  • สมุดบัญชีเงินฝากหรือบัตรเอทีเอ็ม *
  • บัตรเครดิต *

สำหรับค่าเครื่องจะมีทางเลือกในการจ่ายเงินสองทางคือ

  1. ผ่อนจ่ายค่าเครื่อง 26 เดือน
  2. จ่ายค่าเครื่องไปก่อนเลย วิธีนี้ขั้นแรกจะคิดราคารายเดือนเท่ากับแบบแรก แต่ค่าเครื่องที่เราจ่ายไปก่อน จะถูกแบ่งเป็นส่วน แล้วนำหักออกจากค่าบริการในแต่ละเดือนของเรา

สำหรับการเรียกเก็บเงินสามารถชำระเงินได้ทั้งแบบหักบัญชีและผ่านบัตรเครดิต

* สมุดบัญชีหรือบัตรเอทีเอ็ม จะใช้ในการเรียกเก็บค่าบริการรายเดือน ถ้าไม่มีจะต้องจ่ายเงินค่าบริการในแต่ละเดือนผ่านบัตรเครดิต

ส่วนลดนักเรียน

ปกติแล้วผู้ให้บริการจะมีส่วนลดพิเศษให้กับนักเรียนที่สมัครใช้บริการในช่วงเดือนมีนาคม – พฤษภาคม โดยจะต้องแสดงหลักฐานว่าเราเป็นนักเรียนตอนที่สมัครก็จะได้ส่วนลดนี้ ซึ่งอาจจใช้บัตรนักเรียนหรือเอกสารตอบรับการเป็นนักเรียนของเราก็ได้ ผู้ที่มาญี่ปุ่นช่วงเดือนตุลาก็จะไม่ได้สิทธินี้ไปโดยปริยาย

สรุป

การซื้อโทรศัพท์มือถือนั้นไม่ใช่เรื่องลำบาก แต่ค่อนข้างจุกจิกตรงเอกสารที่ต้องใช้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับพนักงานสาขาด้วย หากเตรียมเอกสารดังกล่าวครบถ้วนดังที่แนะนำแล้วก็ไม่น่าจะมีปัญหา อย่างไรก็ดีอาจจะลองให้ทางร้านโทรศัพท์ตรวจสอบหลักฐานดูอีกครั้งเพื่อความแน่นอน